วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

กาพย์ยานี



วิชาเหมือนสินค้าอันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไปจึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้าเป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธาแขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยางสองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไปอัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียงตัดแล่นเลี่ยงข้างคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้วส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตาเป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้ายจะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคมยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามาคือวิชาอันพิศมัย
จงหมั้นมั่นหมายใจอย่าได้คร้านการวิชาฯ

สาธุสะ จขไหว้พระศรีไตรสรณา
พ่อแม่แลครูบาเทวดาในราศี
ข้าเจ้าเอา ก ขเข้ามาต่อก กา มี
แก้ไขในเท่านี้ดีมิดีอย่าตรีชา
จะร่ำคำต่อไปภรใจกุมารา
ธานีมีราชาชื่อภาราสาวัตถี
ชื่อพระไชยสุริยามีสุดามเหสี
ชื่อว่าสุมาลีอยู่บุรีไม่มีภัย
ข้าเจ้าเหล่าเสนามีกริยาอัชฌาสัย
พ่อค้ามาแต่ไกลได้อาศัยในภารา

โครงสุภาพ

โคลง ๒ สุภาพ    
แผน:

ตัวอย่าง:  



โคลง ๓ สุภาพ    
แผน:

ตัวอย่าง:  

ตัวอย่าง:  


โคลง ๔ สุภาพ    
แผน:

ตัวอย่าง:  

ตัวอย่าง:

กลอนหก

กลอนหก
ใช้คำวรรคละ ๖ คำ อักษรนำนับเป็นคำเดียวหรือ ๒ คำ ก็ได้คำสุดท้ายของวรรคหน้าทุกวรรคต้องสัมผัสกับคำที่ ๒ หรือที่ ๔
ในวรรคหลังของแต่ละบาท

ตัวอย่างคำประพันธ์
     เด็กไทย ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน               หมั่นเพียร อ่านเขียน หนังสือ
เติบใหญ่ ค้นคว้า ฝึกปรือ                 สร้างชื่อ สะสม ความดี         
รู้คุณ พ่อแม แก่เ่ฒ่า                        เลี้ยงเรา จนได้ สุขศรี่          
   ช่วยเหลือ ดูแล วันนี้                       ก่อนที่ จากไป ไม่คืน               
            
                                                                  ประพันธ์โดย..ครูอิสสรียา เจริญลีฬหา   

     สุดคิดจึ่งผูกคอตาย
พอลูกพระพายเรืองศรี
ไปทันแก้ลงทันที
กระบี่แจ้งข่าวพระจักรา
ว่ายกโยธาวานร
ตามมาราญรอนยักษา
จึงอุตส่าห์ครองกายา
หาไม่ชีวาจะบรรลัย
จาก รามเกียรติ์ : รัชกาลที่ ๑
     แลดูอรุณไขแสง
แสงแดงเรื่อเรืองเวหา
ดูแฉล้มเหมือนแก้มกัญญา
โสภาแรกรุ่นดรุณราม
ดาวเดือนเลื่อนลับเวหน
สุริยนผ่องพื้นภูมิสาม
แสงจับยอดไม้ใบงาม
วามๆน้ำค้างเคลือบใบ
จาก สกุณตลา : รัชกาลที่ ๖

กลอนเก้า

กลอนเก้า
ใช้คำวรรคละ ๙ คำ คำสุดท้ายของวรรคหน้าทุกวรรคสัมผัสกับคำที่ ๓ หรือที่ ๖ ของวรรคหลังในแต่ละบาท


ตัวอย่างคำประพันธ์


       ดอกศรีตรัง ชูช่อเด่น เป็นสง่าเชิดชูหน้า เมืองคนดี ที่กล่าวขาน
ยางพารา สินค้าดี ที่ยืนนาน ทั้งอาหาร แสนอร่อย ไม่น้อยเลย
ขนมเค้ก และหมูย่าง ต่างรสเยี่ยม ไร้ที่เทียม ดีกว่าใคร ใคร่เฉลย
จงรีบมา ท่องเที่ยวตรัง ดั่งเช่นเคยอย่าเพิกเฉย จะเสียใจ ที่ไม่มา



                      
                                                            
ประพันธ์โดย..ครูอิสสรียา     เจริญลีฬหา      
     ศีลธรรมเลวคนก็ได้กลายเป็นผี
หาความดีไม่ประจักษ์สักเส้นขน
ศีลธรรมดีผีก็ได้กลายเป็นคน
ที่เลิศล้นภูมิใจไหว้ตัวเอง
ศีลธรรมต่ำเปลี่ยนคนจนคล้ายสัตว์
จะกินกัดโกงกันขมันเขม็ง
ศีลธรรมสูงคนสดใสไม่อลเวง
ล้วนยำเกรงกันและกันฉันเพื่อนตาย
จาก ศีลธรรมกับคน : พุทธทาสภิกขุ
     ขุนช้างสั่งศรพระยาหาน้ำมนต์
มารดตนเสียให้จัญไรหาย
มนต์สงฆ์สวดสะเดาะที่เคราะห์ร้าย
ซัดน้ำชำระกายถ้วนสามวัน
จาก เสภาขุนช้างขุนแผน : หนังสือภาษาไทยคุรุสภา

กลอนนิราศ

กลอนนิราศ
     นิราศ แปลว่า การจากไป การพรากไป ในทางฉันทลักษณ์ หมายถึง บทประพันธ์ที่พรรณนาถึงการจากถิ่นฐานที่อยู่ไปในที่ต่างๆ
และต้องรำพึงรำพัน การจากคนรัก ถ้าไม่มีก็ต้องสมมุติขึ้น จึงจะนับว่าถูกต้องตามแบบนิยมของ นิราศ

กฎ-
๑. ขึ้นต้นด้วยวรรครับของบาทเอก ส่วนวรรคสลับเว้นว่างไว้
๒. วรรคหนึ่งใช้คำตั้งแต่ ๗ ถึง ๙ คำ
๓. สัมผัสและความไพเราะอื่นๆเหมือนกับกลอนแปด
๔. กลอนนิราศ มักนิยมขึ้นต้นด้วยคำว่า "นิราศ"จบด้วย บาทโท และคำสุดท้ายจะต้องลงด้วย "เอย" เสมอ
ตัวอย่าง

                                                        นิราศร้างห่างเหจากเคหา
ต้องจำใจจำพรากจากเธอมา        ด้วยน้ำตาอาบนองหมองระทม
เห็นศรีตรังชูช่อกอไสว                แต่เราไม่ชมชื่นกลับขื่นขม
ต้องทนทุกข์ปวดใจให้ระบม         เฝ้าตรอมตรมถึงเธอเสมอเอย
                                                                                  ประพันธ์โดย..ครูอิสสรียา     เจริญลีฬหา


กลอนแปด

กลอน 1 บท       จะมี 4 วรรค
      วรรคแรก             คือ วรรคสดับ
      วรรคที่2               คือ วรรครับ
      วรรคที่3               คือ วรรครอง
      วรรคที่4               คือ วรรคส่ง
       แต่ละวรรค ก็จะมี   7-9 พยางค์    (แต่ "ลูกตาล" ก็ขาดๆเกินๆอยู่เรื่อย
@^-^@ )
สัมผัส    ของบทกลอน หมายถึง "เสียงที่คล้องจองกัน" เช่น "ป้า" กับ "อา" ,"ให้" กับ "ใจ"  ก็คือสัมผัสที่อยู่นอกบท ซึ่งจำเป็นค่ะ เพราะเป็นกฎของกลอนแปดเลยทีเดียว
ดูตามแผนผังเลยค่ะ 

                        

- พยางค์สุดท้ายของวรรคแรก(สดับ)  สัมผัสกับ พยางค์ที่ 3 หรือ 5 ของวรรคที่สอง
-พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สอง(รับ)   สัมผัสกับ พยางค์สุดท้าย ของวรรคที่สาม
-พยางค์สุดท้าย ของวรรคที่สาม(รอง)  สัมผัสกับ พยางค์ที่ 3 หรือ 5 ของวรรคที่สี่

กลอนเจ็ด

กลอนเจ็ดใช้คำวรรคละ ๗ คำ อักษรนำนับเป็นคำเดียวหรือ ๒ คำก็ได้
คำสุดท้ายของวรรคหน้าทุกวรรคต้องสัมผัสกับคำที่ ๒ หรือที่ ๔ ในวรรคหลังของแต่ละบาท
แผนผัง
ตัวอย่างคำประพันธ์
        นักเรียน ต้องอ่านเขียน เรียนรู้            เชิดชู ประเทศชาติ เราหนา   
ปกป้อง คุ้มกันภัย พารา                             นำพา ประเทศไทย ให้เจริญ  
 รู้ค่า คุณแผ่นดิน ถิ่นเกิด                            ล้ำเลิศ ชาวประชา สรรเสริญ  
สืบสาน ภาษาไว้ ไม่เมิน                            ก้าวเดินอย่างยิ่งใหญ่ใครเทียม

                                                                      
                                                                          ประพันธ์โดย...ครู อิสสรียา  เจริญลีฬหา

     เสตเตลงเกรงกริ่งนิ่งรำลึก
คัดคึกข่าวทัพดูคับขัน
จักเตรียมค่ายใหญ่ก็ไม่ทัน
จำกั้นกีดขวางหนทางยุทธ์
ตั้งขัดตาทับรับไว้ก่อน
เพื่อผ่อนเวลาให้ช้าสุด
จวนตัวกลัวว่าศัตราวุธ
หวิดหวุดหมดหวังในครั้งนี้
จาก...สามกรุง : กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
     เมื่อนั้น
พระองค์ทรงฤทธิ์ชาญสนาม
จึงกล่าวกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงาม
อันความทั้งนี้ก็เข้าใจ
บรรดาประชาชนทั้งนั้น
เขาชวนกันเจาะจงสงสัย
ว่าเจ้าลักบุษบาพาไป
มิใช่ไพรีบีฑา
จาก...อิเหนา : รัชกาลที่ ๒